เทคนิค การเลือกหมวกกันน็อคที่ใช่สำหรับคุณ




ถ้านึกถึงการขับรถมอเตอร์ไซค์ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงควบคู่ไปกันกันคงไม่พ้นไปจากหมวกกันน็อคใช่ไหมล่ะครับ แต่ในทุกวันนี้ หมวกกันน็อคมันมีหลากหลายทรงเหลือเกิน อีกทั้งแต่ละยี่ห้อก็มีขนาดที่ไม่เท่ากันอีกด้วย เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนก็เลือกกันไม่ถูกว่าจะใส่แบบไหนดี แต่ละแบบมีดีมีเสียต่างกันยังไง และที่สำคัญจะวัดยังไงให้ขนาดพอดีกับเรา วันนี้ CAMEL TIRE จะพาเพื่อนๆ ไปรู้เรื่องราวเหล่านี้กันครับ

การวัดขนาดศีรษะ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญในการเลือกหมวกกันน็อคเป็นอย่างมาก เพราะการที่ใส่หมวกใหญ่เกินไปนั้นมีความอันตรายมากๆ เพราะเมื่อเกิดเหตุจะทำให้หมวกไม่สามารถดูดซับแรงปะทะของศีรษะได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นหมวกที่เล็กหรือแน่นเกินไป จะทำให้เราเจ็บศีรษะเวลาสวมนานๆ
 
วิธีการวัดศีรษะที่ถูกต้อง เราต้องวัดในส่วนที่ยื่นออกมามากที่สุดของศีรษะ ทั้งหน้า-หลัง และ ซ้าย-ขวา โดยใช้สายวัดขนาด วัดตามจุดทั้ง 4 ในภาพเพื่อหาขนาดที่เหมาะสม มีหน่วยเป็นเซ็นติเมตร




ขนาดหมวกกันน็อคแต่ละยี่ห้อ จะมีมาตรฐานในการวัดที่เป็นมาตรฐานเท่ากัน เป็นมาตรฐานสากล มีขนาดดังนี้
XS (53-54 ซม.)
S (55-56 ซม.)
M (57-58 ซม.)
L (59-60 ซม.)
XL (61-62 ซม.)
XXL (63-64 ซม.)
XXXL (65-66 ซม.)
 




หมวกกันน็อคครึ่งใบ
หมวกกันน็อคที่ถูกเลือกใช้งานสูงมาก นอกจากที่จะสวมใส่ง่ายแล้ว ราคาก็ยังไม่สูงมากอีกด้วย ส่วนมากมักจะได้แถมมาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อหมวกกันน็อคครึ่งใบ เป็นหมวกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันที่ต่ำมาก เพราะมีส่วนป้องกันแค่บริเวณกระหม่อมศีรษะ ไม่เหมาะกับการขับด้วยความเร็วสูงกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีกระจกป้องกันลม สามารถมีเศษวัสดุ ฝุ่น หรือแมลงเข้าตาได้ง่าย







หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้า 
เป็นอีกประเภทหมวกที่มีคนใช้งานค่อนข้างมาก เพราะสวมใส่ง่าย สามารถป้องกันครอบทั้งศีรษะยกเว้นบริเวณช่วงคาง ทำให้ขณะสวมใส่ไม่ร้อนจนเกินไป มาพร้อมกระจกบังลม ราคาก็ไม่ได้สูงมากด้วยครับ
หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้า เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมือง และการเดินทางระยะกลาง ให้ขอบเขตการมองเห็นที่กว้าง หันซ้ายขวาได้สะดวก







หมวกกันน็อคแบบเปิดคาง
เป็นหมวกกันน็อคที่รวมข้อดีของหมวกแบบเต็มใบและหมวกแบบเปิดหน้าไว้ด้วยกัน รูปร่างคล้ายกับหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ แต่สามารถยกบริเวณช่วงคางขึ้นได้ ให้ความปลอดภัยมากกว่าหมวกแบบเปิดหน้า แต่จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างหนัก
นิยมใช้กับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการสวมใส่ และใช้งานหมวกกันน็อค เหมาะกับการขับขี่ทุกประเภท แต่ส่วนมากจะเป็นกลุ่ม Big Scooter หรือ Big Bike ที่ใช้กัน







หมวกกันน็อคเต็มใบ
เป็นหมวกกันน็อคที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด เพราะสามารถครอบคลุมได้ทั้งศีรษะ ปกปิดใบหน้าทั้งหมดยกเว้นบริเวณตาและจมูก แต่สามารถสวมใส่ได้ยากสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย และมีความอึดอัด ขณะใส่ขับขี่จะค่อนข้างร้อน มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าหมวกทั่วไป
นิยมใช้งานกับกลุ่ม Big Bike ที่ขับด้วยความเร็วสูงๆ เหมาะกับการใช้งานในสนามแข่ง ด้วยความที่มีการออกแบบพลศาสตร์ให้มีความลู่ลมสามารถขับขี่ความเร็วสูงๆ ได้ดี
 






หมวกกันน็อควิบาก
หมวกนัดน็อควิบาก จะไม่มีกระจกบังลมมาให้ เพื่อที่จะไว้สำหรับสวมใส่แว่นตาแบบรัดกับหมวก เพื่อความสะดวกในการใช้งาน มีแก๊ปด้านบนที่ไว้สำหรับกันแดด และดินโคลน เป็นหมวกกันน็อคที่เหมาะกับการขับขี่ในทางออฟโร้ด ลักษณะตัวหมวกจะมีบริเวณคางที่ยื่นออกมามากกว่าหมวกรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่ของกับขับขี่ทางวิบากนั้นจะเกิดขึ้นที่บริเวณคางที่จะกระแทกกับพื้นบ่อยครั้ง จึงได้มีการเสริมบริเวณช่วงคางให้ยาว เพื่อไม่ให้คางของผู้ขับขี่กระแทกหมวกของตัวเอง






หมวกกันน็อคแต่ละใบ มักจะมีเครื่องหมายที่แสดงถึงมาตรฐานความปลอดภัยอยู่ที่หมวก เพื่อแสดงถึงความได้มาตรฐาน จะมีสัญลักษณ์อะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

มาตรฐาน มอก. - เป็นมาตรฐานบังคับใช้ในด้านการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิต ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน

 
มาตรฐาน SG - เป็นเครื่องหมายว่าสินค้าได้รับมาตรฐานตาม Consumer Product Safety Association (CPSA) ถือว่าเป็นหลักฐานที่ผ่านการรับรองจากรัฐบาลแล้ว

มาตรฐาน JIS - มาตรฐานอุตสาหกรรมการผลิตญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standards) มาตรฐานนี้จะคลอบคลุมถึงระดับป้องกันการกระแทก และความแข็งแรงของหมวก โดย JIS จะมี 2 ระดับ คือ 1. มาตรฐานเครื่องไม่เกิน 125 cc. กับ 2. สำหรับเครื่องที่เกิน 125 cc. ขึ้นไป
มาตรฐาน SNELL - เป็นมาตรฐานที่มีระดับสูงกว่า JIS โดยจะมีการตรวจสอบมาตรฐานทุกๆ 5 ปี ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ได้รับมายากมาก เพราะความเข้มข้นในการตรวจสูง เน้นในเรื่องความต้านทานต่อแรงปะทะ มาตรฐานนี้ทำให้เพื่อนๆ มั่นใจได้มากๆ ในเรื่องปกป้องเมื่อประสบอุบัติเหตุ