ประวัติความเป็นมาของใบขับขี่ตลอดชีพ




นักบิดหลาย ๆ คนโดยเฉพาะคนที่มีอายุหน่อย ก็อาจเคยเห็นหรืออาจทันยุคของ ‘ใบขับขี่ตลอดชีพ’ โดยความโดดเด่นของใบขับขี่ชนิดนี้ก็ตามชื่อ คือ สามารถใช้งานได้ตลอดชีพ โดยที่ไม่ต้องทดสอบสมรรถภาพใหม่ใดๆ เลย ซึ่งสามารถใช้ได้จนกว่าเจ้าของที่เป็นผู้ขับขี่เสียชีวิต หรือหมดความสามารถในการขับขี่ แต่ด้วยความที่เป็นใบขับขี่ที่ปัจจุบันนั้นไม่สามารถขอใหม่ได้แล้ว ใบขับขี่นี้จึงเป็นเสมือนแรร์ไอเท็มของผู้ขับขี่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย ที่พบเห็นได้ยากยิ่ง


วันนี้ยางคาเมล ขอพาเพื่อนๆ นักบิดที่อาจไม่คุ้นเคยกับใบขับขี่ตลอดชีพ ได้ทำความรู้จักประวัติคร่าว ๆ ของใบขับขี่ชนิดนี้กันครับ


ย้อนรอยที่มาของใบขับขี่ตลอดชีพ
ก่อนปี 2531 อำนาจการออกใบขับขี่นั้นอยู่ภายใต้การดูแลของกองทะเบียนกรมตำรวจ (หรือก็คือ ‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ในปัจจุบัน) โดยใบขับขี่ตลอดชีพนั้นคาดว่ามีจุดประสงค์เพื่อลดความแออัดและลดปริมาณงานการติดต่อราชการของประชาชน 
เนื่องจากในยุคนั้นการอนุญาตและการจัดเก็บข้อมูลยังเป็นรูปแบบทะเบียนกระดาษ ยังไม่มีเทคโนโลยีหรือระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้การต่อใบขับขี่จึงต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลเอกสารเป็นอย่างมาก ยิ่งในกรณีใบขับขี่หาย หากไม่สามารถจำหมายเลขบัตรได้ ก็จะยิ่งหาข้อมูลยากขึ้นในระดับงมเข็มในมหาสมุทร การออกใบขับขี่ตลอดชีพจึงช่วยลดจำนวนประชาชนที่มาติดต่อราชการลงได้ในระดับหนึ่ง



สิ้นสุดการออกใบขับขี่ตลอดชีพ
อำนาจการออกใบขับขี่ถูกโอนย้ายมายังกรมการขนส่งทางบกในปี 2531 และเมื่อเข้าสู่ปี 2546 ก็ได้เกิดพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 และได้ยกเลิกการออกใบขับขี่ตลอดชีพไป เพื่อปรับปรุงอายุใบอนุญาตขับรถให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ผนวกกับเทคโนโลยีที่ทำให้การต่อใบขับขี่ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น
แต่พระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่ได้กำหนดให้ยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพที่เคยทำไปก่อนแล้ว ทั้งยังสามารถใช้งานได้ตามเดิม เพราะนิยามของกฎหมายทุกประเภท ต้องไม่มีผลย้อนหลังหากทำให้เกิดความเสียหาย และถึงแม้บัตรจะชำรุดหรือสูญหาย เมื่อมาขอออกบัตรใหม่จะยังได้แบบตลอดชีพเหมือนเดิม เพียงแต่จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบบัตรแข็งเหมือนใบขับขี่รูปแบบอื่นในปัจจุบัน



เกือบมีการยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพ
แต่ในบางช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลและกรมการขนส่งทางบกก็เคยมีแนวคิดที่จะยกเลิกหรือเรียกผู้มีใบขับขี่ตลอดชีพมาทำการทดสอบสมรรถภาพใหม่ ด้วยเหตุผลด้านอายุและความปลอดภัย 
แต่แนวคิดนั้นก็ได้ถูกต่อต้านหลายครั้ง และไม่สามารถทำได้จริงในทางกฎหมาย เพราะ พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 53 วรรคสอง กล่าวว่า เพื่อเรียกผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถมาตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ จึงจะเรียกบุคคลนั้นๆ เป็นรายบุคคลมาตรวจสอบได้ แต่จะไม่สามารถเรียกทุกๆ คนมาตรวจหรือสุ่มตรวจได้นั่นเอง